ถุงลมนิรภัย (Airbag) เป็นอุปกรณ์ที่เกี่ยวกับความปลอดภัยในรถ โดยจะติดตั้งมาแล้วจากศูนย์รถยนต์ ซึ่งถุงลมนิรภัยนี้มีความสำคัญต่อผู้ขับขี่เป็นอย่างมาก เพราะจะเป็นตัวช่วยในการบรรเทาอาการบาดเจ็บ เมื่อเกิดอุบัติเหตุขณะขับรถได้ ในบทความนี้เราจะพาคุณไปรู้จักกับวิธีการทำงานของถุงลมนิรภัย
ถุงลมนิรภัยหน้าตาเป็นอย่างไร?
โดยปกติแล้วเราจะไม่ได้เห็นถุงลมนิรภัย เพราะจะถูกซ่อนอยู่ตามจุดต่าง ๆ ภายในห้องโดยสาร และจะออกมาให้เราเห็นก็ต่อเมื่อเกิดอุบัติเหตุ ได้ยินแบบนี้แล้วหลายคนก็คงไม่อยากเห็นถุงลมนิรภัยของจริงแล้วล่ะ ซึ่งถุงลมนิรภัยนั้นเปรียบเสมือนหมอนแห่งความปลอดภัย ด้วยรูปร่างหน้าตาที่คล้ายหมอน แต่ไม่ได้นุ่มอย่างที่คิด! ภายนอกทำจากถุงไนลอนหรือโพลีเอไมด์ โดยจะบรรจุแก๊สไนโตรเจนไว้ข้างใน จึงสามารถซ่อนตัวอยู่ภายใต้จุดต่าง ๆ ภายในห้องเครื่องได้ เมื่อเกิดเหตุการณ์ฉุกเฉิน ถุงลมนิรภัยก็จะเด้งออกมา พร้อมกับพองตัวคล้ายลูกบอลลูน เพื่อช่วยลดอาการบาดเจ็บ ให้ผู้โดยสารไม่เจ็บหนัก และไม่กระเด็นออกนอกรถ
ถุงลมนิรภัยอยู่ตรงไหนบ้าง
- ถุงลมด้านหน้า (Front Airbag) ติดตั้งบริเวณที่นั่งด้านหน้า ในตำแหน่งที่ช่วยป้องกันคนขับรถ และตำแหน่งผู้โดยสารข้างคนขับ
- ถุงลมด้านข้าง (Side Airbag) ติดตั้งบริเวณแผงประตูหรือเบาะนั่ง ช่วยป้องกันการกระแทกตรงส่วนครึ่งกลางและด้านล่างของร่างกาย
- ม่านถุงลม (Curtain Airbag) ติดตั้งบริเวณด้านข้างของรถ ช่วยป้องกันใบหน้าและศีรษะไม่ให้กระแทกกับกระจกข้าง
- ถุงลมป้องกันเข่าและขา (Knee Airbag) ติดตั้งบริเวณใต้คอนโซล ช่วยป้องกันไม่ให้ขาและเข่าไปชนเข้ากับคอนโซล
- ถุงลมที่พื้นใต้เท้า (Carpet Airbag) ติดตั้งบริเวณใต้พื้น ช่วยผ่อนแรงบริเวณเท้าที่จะไปกระแทกกับพื้น
โดยรถยนต์แต่ละยี่ห้อจะมีจำนวนถุงลมไม่เท่ากัน โดยตำแหน่งของถุงลมนิรภัยจะมีตั้งแต่ 2 จุด ตรงด้านหน้าคนขับ และที่นั่งด้านข้างคนขับ หรือรถยนต์บางยี่ห้อก็อาจมีถุงลมนิรภัยถึง 8 จุด
ถุงลมนิรภัยติดเพิ่มได้ไหม?
ถ้าเกิดคุณซื้อรถมาแล้ว และอยากเพิ่มถุงลมนิรภัยตามจุดต่าง ๆ ให้แก่รถของคุณ จะทำได้หรือไม่? อันที่จริงแล้วไม่ได้ เพราะเป็นเรื่องของความปลอดภัย ที่จะต้องติดตั้งมาจากศูนย์รถยนต์โดยผู้เชี่ยวชาญเท่านั้น เพราะถ้าหากติดตั้งได้ไม่ดี ก็อาจจะเป็นโทษต่อตัวคุณได้ ดังนั้นหากใครที่กังวลเรื่องถุงลมนิรภัยเป็นพิเศษ ก่อนการซื้อรถให้เช็กก่อน ว่ารถคันนั้นมีถุงลมนิรภัยทั้งหมดกี่ลูกและมีกี่จุด
ถุงลมนิรภัยจะทำงานเมื่อไหร่
เมื่อรถยนต์เกิดการกระแทกอย่างรุนแรง เซนเซอร์ที่ตรวจจับการกระแทกก็จะทำงานทันที ด้วยการปล่อยถุงลมนิรภัยที่อยู่ตามจุดต่าง ๆ ออกมา เพื่อช่วยลดแรงกระแทกจากอุบัติเหตุ ถึงแม้จะบอกว่าถุงลมนิรภัยเปรียบเสมือนหมอน แต่ถึงอย่างนั้นผู้โดยสารก็อาจเจ็บตัวได้อยู่ดี แต่จะเป็นการบรรเทาอาการบาดเจ็บ จากอุบัติเหตุไม่ให้รุนแรงมากเท่านั้น และเมื่อถุงลมนิรภัยปล่อยออกมาแล้ว ก็จะฟีบลงเพื่อไม่ให้ใบหน้าอัดอยู่กับถุงลมนิรภัยเป็นเวลานาน ซึ่งถุงลมนิรภัยจะยิ่งทำงานได้ดีควบคู่กับเข็มขัดนิรภัย ถ้าหากคุณไม่คาดเข็มขัดนิรภัย ร่างของคุณจะกระแทกเข้ากับถุงลมนิรภัยอย่างแรง
เพื่อป้องกันไม่ให้ถุงลมนิรภัย ไม่ตอบสนองเวลาเกิดอุบัติเหตุ ต้องหมั่นนำรถเข้าตรวจเช็กสภาพ เพื่อตรวจสอบความผิดปกติของเซนเซอร์ และประสิทธิภาพของถุงลมนิรภัย ไม่อย่างนั้นเวลาเกิดเหตุร้ายขึ้นมาถุงลมนิรภัยก็ไม่อาจช่วยคุณไว้ได้ อีกหนึ่งความปลอดภัยที่เราแนะนำให้คุณมี นั่นก็คือการทำประกันรถยนต์ที่ Rabbit Care ช่วยให้คุณอุ่นใจเมื่อใช้ท้องถนนมากขึ้นด้วยประกันรถยนต์ชั้น 2 ที่ให้การดูแลอย่างครอบคลุมพร้อมบริการ Care Center ช่วยอำนวยความสะดวกให้คุณสามารถติดต่อเราได้ง่าย และรวดเร็วกว่าเดิม ตลอด 24 ชั่วโมง และมี Care Emergency บริการช่วยเหลือเร่งด่วนสำหรับผู้ซื้อประกันรถยนต์อีกด้วย สมัครเลย https://rabbitcare.com/car-insurance/type2